วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556


กฎ
                ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ มีหมู่ดาวมากมายโคจรตามวิถีของตนในความเงียบสงบและเวิ้งว้างเช่นนี้ กำลังจะเกิดเหตุการณ์ซึ่งเป็นบทเรียนให้แก่หมู่ดาวและอีกหลายๆสรรพสิ่ง...
                ณ จักรวาลที่มีชื่อว่าทางช้างเผือก มีดวงจันทร์ดวงหนึ่งงดงามที่สุดและเป็นที่หมายปองของดาวทุกดวง ทว่าเธอไม่อาจครองรักกับดาวดวงใดได้ เหตุด้วยเธอต้องทำหน้าที่เป็นบริวารของโลก เพื่อให้สรรพสิ่งในโลกดำเนินไปตามวัฏจักรของชีวิต หากไม่มีเธอสิ่งมีชีวิตบนโลกก็ไม่อาจจะอยู่ได้
                ดาวทุกดวงที่รู้เรื่องนี้ก็ต่างตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะครอบครองดวงจันทร์ ทว่ามีดาวอยู่ดวงหนึ่งไม่ได้สนใจกับกฎเกณฑ์เหล่านั้น เขามีชื่อว่า เชดาร์เชดาร์มีเวทมนต์ที่สามารถดลใจดาวดวงอื่นให้ทำตามในสิ่งที่เขาอยากให้ทำได้ เขาอยากได้ดวงจันทร์มาครอบครองจึงดลบันดาลให้ดวงจันทร์เกิดหลงรักเขา ดวงจันทร์หลงเวทมนต์ของเชดาร์และสุดท้ายเขาก็ได้ดวงจันทร์มาครอบครอง
                หลังจากนั้นทุกสิ่งบนโลกก็เริ่มล้มตายเพราะไม่มีดวงจันทร์เป็นผู้ควบคุมสมดุลของโลก เมื่อเรื่องรู้ไปถึงดวงอาทิตย์ ดาวผู้เป็นใหญ่เหนือหมู่ดาวทั้งปวง ดวงอาทิตย์จึงเดินทางไปหาเชดาร์และพบว่าเชดาร์ได้ดวงจันทร์มาครอบครองเพราะเวทมนต์ของเขา ดวงอาทิตย์โกรธมากเพราะเชดาร์ทำให้ดวงจันทร์ละทิ้งหน้าที่และเป็นสาเหตุทำให้โลกขาดสมดุล เขาจึงคลายเวทมนต์ให้ดวงจันทร์และส่งเธอกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม ส่วนเชดาร์ดวงอาทิตย์ลงโทษเขาโดยการให้ไปเกิดเป็นค้างคาวอยู่บนโลก เพื่อเรียนรู้สัจธรรมบางอย่าง หากเข้าใจแล้วเขาจะได้กลับมาเป็นดาวเหมือนเดิม...
                ผ่านไปหลายปีบนดาวที่มีชื่อว่าโลก ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงดาว ค้างคาวตัวน้อยได้ออกหากินเป็นปกติแบบนี้ทุกค่ำคืน และในคืนหนึ่งที่เจ้าค้างคาวออกมาหากิน เขาได้พบกับดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้าที่สว่างไสวยิ่งกว่าดาวดวงอื่น ยามที่เธอสาดแสงไปทั่วท้องฟ้า จะไม่มีดาวดวงไหนปรากฏให้เห็น ค้างคาวจำได้ทันทีว่าคือดวงจันทร์ และความทรงจำของเขาก็กลับคืนมา ว่าที่จริงแล้วเขาคือเชดาร์และถูกส่งมายังโลกเพื่อเรียนรู้อะไรบางอย่าง ทุกค่ำคืนค้างคาวก็จะพบและพูดคุยกับดวงจันทร์อยู่เสมอ ทว่าเขาไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครอง
                และในคืนที่จันทร์เต็มดวงเขาจึงตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างกับดวงจันทร์ 
“ดวงจันทร์เอ๋ย ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ได้โปรดพาข้ากลับไปเป็นดาวเหมือนเดิมด้วยเถิด”
“ไม่ได้หรอก ข้าไม่มีอำนาจที่จะพาท่านกลับไป ท่านต้องไปคุยกับดวงอาทิตย์เอง” ดวงจันทร์กล่าวตอบ
“แต่ข้าเกลียดดวงอาทิตย์ มันเป็นคนทำให้ข้าต้องมาเป็นแบบนี้ และอีกอย่างข้าไม่อาจออกไปไหนได้หากมีแสงอาทิตย์ ข้าอยากให้มันหายไปซะ” ค้างคาวพูดด้วยความแค้น
“ท่านแน่ใจรึว่าต้องการอย่างนั้น บนโลกที่ท่านอยู่นั้น ท่านสามารถมองเห็นข้าได้ เพราะแสงอาทิตย์มากระทบบนร้างกายข้า หากไม่มีดวงอาทิตย์ ท้องฟ้าก็จะมืดมิด มีแต่ดวงดาวและท่านก็จะไม่ได้พบข้าอีก”
“ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ที่ข้าได้พบเจ้าก็เพราะแสงจากดวงอาทิตย์หรือนี่ ทั้งๆที่ข้าเกลียดมันแต่สุดท้ายข้าก็ต้องพึ่งแสงของมันเพื่อให้ได้พบเจ้า ทำไมข้าต้องเจอกับเรื่องแย่ๆเช่นนี้”
ค้างคาวเสียใจมากและลึกๆในใจก็ยิ่งแค้นดวงอาทิตย์มากขึ้น ดวงจันทร์มองเห็นความเสียใจของค้างคาวจึงพูดกับค้างคาวว่า
“มันไม่ได้แย่หรอกนะ ที่ท่านจะทำตามกฎเกณฑ์ ในโลก....ไม่สิในทุกๆที่ในจักรวาลนี้ไม่มีอะไรแย่หรอกนะ ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดขึ้นและเป็นไปในแบบที่มันควรจะเป็น ท่านควรเรียนรู้และยอมรับกับกฎเกณฑ์นี้นะ”
ค้างคาวเงียบเมื่อได้ฟังคำพูดของดวงจันทร์ก่อนเอ่ยขึ้น
“นั่นสินะ ที่ข้าต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะฝืนกฎเกณฑ์ของจักรวาล ข้าเข้าใจแล้วดวงจันทร์ ถึงแม้ข้าจะไม่ได้ครอบครองเจ้า แต่อย่างน้อยข้าก็ได้พบกับเจ้าเกือบทุกคืนสินะ”
“เข้าใจซะที่สินะ ต่อไปนี้ท่านควรใช้ชีวิตไปตามแบบที่ท่านควรจะเป็นเพื่อรอวันที่ท่านจะได้กลับมาเป็นดวงดาวอีกครั้งเถอะนะ”
ค้างคาวได้ค้นพบสัจธรรมที่เขาควรรู้แล้วและเขาก็ใช้ชีวิตตามปกติจนสิ้นอายุขัยและได้กลับไปเป็นดวงดาวดังเดิม
ขาเดียว